บทความ “โลกเปลี่ยน ไทยปรับ เอกชนต้องขยับ: ทิศทางธุรกิจไทยในศตวรรษที่ 21”
โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พณ. ณ.งาน “ThaiBev Expo 2015”
โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พณ. ณ.งาน “ThaiBev Expo 2015”
สรุปสาระสำคัญได้ 7 ประการ ดังนี้
1) หัวใจธุรกิจในศตวรรษที่ 21 ควรมี 3 C
– Competency (จุดแข็งของตัวเอง)
– Customer Focus (ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง)
– Collaborative Networks (ทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายพันธมิตร)
รายละเอียดเกี่ยวกับ 3C นี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ “Marketing Moves” เขียนโดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ และ Mr. Philip Kotler
2) การรวมตัวกัน ของ “สหรัฐแห่งเอเซีย” หรือ “The United States of Asia” (The New USA) ซึ่งประกอบด้วย
– East Asia นำโดยจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
– South Asia นำโดยอินเดีย
– South East Asia นำโดย ASEAN
จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกใน 3-4 ทศวรรษต่อจากนี้ กลุ่มนี้ต้องแข็งแกร่งและประเทศไทยควรอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
3) กระแสภูมิภาคนิยม (Regionalization) และกระแสท้องถิ่นนิยม (Localization) กำลังเป็นที่นิยม ประเทศไทยควรเร่งสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจในประเทศ และควรขยายไปประเทศอาเซียน เริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใน “ดินแดนสุวรรณภูมิ โดยใช้ศาสนาพุทธเป็นจุดเชื่อมต่อ
4) ประเทศไทยควรเร่งปฎิรูปประเทศ เพื่อให้โลกต้องกลับมาจับตามอง หลังจากประเทศติดกับใน “ทศวรรษแห่งความว่างเปล่า” หรือ “Thailand Lost Decades” มาเกือบ 10 ปี
รัฐบาลจึงจัดวางกรอบยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาจาก กับดักประเทศรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำ และกับดักความขัดแย้งที่รุนแรง และเร่งดำเนินการให้สำเร็จภายใน 20 ปี เพื่อนำประเทศไทยไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว
5) รัฐบาลต้องเรียกความมั่นใจและความเชื่อมั่นกลับคืนมาจากประชาชนและนักลงทุนโดยชูนโยบาย “การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน” หรือ “Strength from Within”
– ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจากฐานราก–ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน
– สร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ
– ลงทุนขนานใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานผ่าน Public-Private Partnership หรือ PPP
6) ประเทศไทยต้องต่อยอดการสร้างมูลค่าของประเทศ โดยเฉพาะ “ภาคธุรกิจบริการ” ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 1/3 ของการส่งออกรวม เช่น การท่องเที่ยว ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง, Hospitality, Logistics, Medicals, Wellness, Entertainment & Digital Content และเติบโตอยู่ที่ 18% ในปีที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนให้ไทยเปลี่ยนจาก Value Added Economy ไปสู่ Value Creation Economy
7) ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเป็น IDE (Innovation-Driven Enterprise) โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่า ผ่านโมเดลธุรกิจในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม
“ เมื่อโลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ เอกชนต้องขยับ แต่ต้องขยับเป็นกลุ่มในรูปแบบของพันธมิตรธุรกิจ ”